Individual Investors

  • Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Oct 31 2016
ความอ่อนไหวของเงินทุนจากต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทย

โดยทั่วไป การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนของประเทศต่าง ๆ มักมีลักษณะไปมาอย่างรวดเร็ว เพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนที่ดีที่สุด สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทยก็เช่นเดียวกัน การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยมีลักษณะการเคลื่อนย้ายไปมาที่รวดเร็ว ขนาดของตลาดตราสารหนี้ไทยก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้น การเคลื่อนย้ายเงินทุนของต่างชาติในแต่ละครั้ง หากมีมูลค่าที่ค่อนข้างสูง ก็มักมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ให้ความสนใจ

ในปีนี้ นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาจนถึงไตรมาส 3 หรือสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ เม็ดเงินจากต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้นสุทธิแล้วกว่า 167,391 ล้านบาท โดยเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุไม่เกิน 1 ปี) กว่า 109,147 ล้านบาท ที่เหลืออีก 58,244 ล้านบาท ลงในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป) เมื่อรวมกับยอดสะสมสิ้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมีเงินลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งสิ้น 705,197 ล้านบาท โดย 80% เป็นเงินลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว

หากมองย้อนกลับไปอย่างน้อยต้นปีที่ผ่านมานี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายได้มีผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนของต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยด้วยกันทั้งสิ้นในระดับที่ไม่เท่ากัน รวมถึงการเสร็จสวรรคตของในหลวงก็เช่นกัน ที่กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติอย่างมาก แต่กับการลงทุนที่ต้องยืนบนหลักของเหตุผลมากกว่าอารมณ์ จึงมีผลกระทบไม่มากนัก จากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงการลงทุนของต่างชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พอจะสรุปลักษณะการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติได้ดังนี้

1) นักลงทุนต่างชาติมักมีการเปลี่ยนแปลงการลงทุนก่อนหน้าเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วการเปลี่ยนแปลงในการลงทุนจะเกิดขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย ในบางครั้งหากเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จะมีการทำธุรกรรมกลับข้างกันอย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อเริ่มมีการคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมที่จะถึงนี้ ก็จะเกิดการขายสุทธิขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อผลการประชุมยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ นักลงทุนจะหันกลับมาซื้อคืนทันทีอย่างรวดเร็ว

2) การเปลี่ยนแปลงการลงทุน ส่วนใหญ่จะเกิดกับตราสารหนี้ระยะสั้นมากกว่าตราสารหนี้ระยะยาว หรือกล่าวได้ว่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเป็น Real money คือเงินลงทุนเพื่อการลงทุนที่แท้จริง ซึ่งตั้งแต่ปี 2556 ที่มูลค่าการถือครองตราสารหนี้ระยะยาวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ มูลค่าการลงทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 550,000 ล้านบาท หรืออยู่ในช่วงระหว่าง 480,000 – 600,000 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการถือครองในตราสารหนี้ระยะสั้นจะค่อนข้างผันผวน เฉลี่ยที่ 86,000 ล้านบาท หรืออยู่ระหว่าง 9,000 – 200,000 ล้านบาท ตามลักษณะของกระแสการลงทุนเข้าออกที่รวดเร็ว

3) ในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิเกิดขึ้น 100 ครั้ง ในขณะที่ซื้อสุทธิเกิดขึ้น 96 ครั้ง การขายสุทธิที่เกิดขึ้นเฉลี่ย -4,401 ล้านบาทต่อครั้ง และซื้อสุทธิเฉลี่ย 6,146 ล้านบาทต่อครั้ง

4) ในปีนี้ การขายสุทธิ (Net sell) ที่มีมูลค่าตั้งแต่ -10,000 ล้านบาท เกิดขึ้นแล้ว 10 ครั้ง มูลค่าการขายสุทธิสูงสุดที่เกิดขึ้นคือ -19,243 ล้านบาท ส่วนการซื้อสุทธิ (Net buy) ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10,000 ล้านบาทเกิดขึ้นแล้ว 20 ครั้ง มูลค่าสูงสุดคือ 32,163 ล้านบาท

5) ปัจจัยภายในประเทศที่จะมีผลกระทบ มักเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลถึงการลงทุนของต่างชาติโดยตรง เช่น มาตรการกันสำรอง 30% ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยด้านกีฬาสีทางการเมืองกลับมีผลน้อย เพราะประเด็นหลักที่ต่างชาติให้น้ำหนักเป็นปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ

ในกรณีการเสร็จสวรรคตของในหลวงวันที่ 13 ต.ค. 59 ต่างชาติเริ่มมียอดขายสุทธิ (Net sell) ก่อนหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 59 มูลค่า -11,617 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับมูลค่าการขายสุทธิรายวันในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าไม่ได้สูงมากจนน่าตกใจ มูลค่าการขายสุทธิในระดับนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วถึง 10 ครั้งในปีนี้ การขายสุทธิเกิดขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 6 วันทำการ คิดเป็นมูลค่าการขายสุทธิรวม -37,780 ล้านบาท จากนั้นในวันที่ 18 ต.ค. 59 ต่างชาติก็กลับมาซื้อสุทธิ (Net buy) แล้วมูลค่า 2,020 ล้านบาท และยังคงเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่อง รวมกว่า 9,224 ล้านบาทจนถึงวันที่ 20 ต.ค. 59 ข้อมูลล่าสุดนี้

การที่ตลาดตราสารหนี้ไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนักน่าจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพความมั่นคงทางการเมืองของไทยเป็นสำคัญ ประกอบกับการที่ต่างชาติน่าจะมีการซึมซับข่าวและปรับการลงทุนไปแล้วก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นอกจากนี้ผลตอบแทนตราสารหนี้ของไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ตลาดที่ยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกที่น่าดึงดูดในสภาวะที่สภาพคล่องในระบบยังมีอยู่มาก เหล่านี้น่าจะเป็นเหตุผลประกอบเข้าด้วยกันที่ทำให้ตลาดตราสารหนี้ไทยผ่านพ้นเหตุการณ์มาได้อย่างไม่บอบช้ำ จะเหลือก็แต่ความรู้สึกสูญเสียของคนไทยที่ต้องกลับมาเข้มแข็ง ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มกำลัง เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไปให้พ่อได้ภูมิใจ

All Blogs