• Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Oct 16, 2018
Perpetual bond หุ้นกู้ไม่มีอายุ

Perpetual bond กำลังได้รับความสนใจจากหลายๆ บริษัทในการเป็นเครื่องมือระดมทุน นักลงทุนก็ให้ความสนใจเพราะหุ้นกู้ประเภทนี้ให้อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง แต่ก่อนจะตัดสินใจลงทุน เรามาทำความเข้าใจลักษณะผลตอบแทนและความเสี่ยงของหุ้นกู้ประเภทนี้กันก่อน และใครบ้างเหมาะหรือไม่เหมาะกับการลงทุนใน Perpetual bond

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุน

การไม่มีอายุ หรือไม่กำหนดวันไถ่ถอน ผู้ลงทุนมีสิทธิได้ดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ คล้ายๆ กับผู้ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสได้เงินปันผลตราบใดที่บริษัทนั้นๆ ยังไม่เลิกกิจการไป แต่นั่นแปลว่า หากผู้ลงทุนต้องการเงินคืนจะทำได้เพียงการขายออกในตลาดรองเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับว่าอาจไม่มีสภาพคล่องมากนัก ราคาขายอาจสูงหรือต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ซื้อมา

เป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ หากบริษัทที่ออกล้มละลาย นักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ประเภทนี้จะมีสิทธิได้รับชำระหนี้คืนหลังเจ้าหนี้สามัญอื่นๆ ซึ่งอาจได้รับชำระหนี้คืนเต็มจำนวนหรือบางส่วนตามจำนวนเงินที่เหลือจากการชำระเจ้าหนี้ลำดับก่อนหน้า

เลื่อนจ่ายดอกเบี้ยได้ ผู้ออกสามารถเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยออกไปได้โดยไม่มีเงื่อนไขแม้ว่าบริษัทจะมีกำไรก็ตาม โดยอาจสะสมดอกเบี้ยจ่ายไปชำระในวันใดก็ได้แต่ในระหว่างนั้นห้ามจ่ายปันผลไม่ว่าจะเป็นเงินหรือหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น แม้สุดท้ายแล้วผู้ออกต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ค้างไว้ตามที่กำหนดก็ตาม แต่เงินที่ได้รับวันนี้กับได้รับในอนาคตย่อมมีมูลค่าปัจจุบันไม่เท่ากัน ดังนั้นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับจริงย่อมลดลงตามการจ่ายดอกเบี้ยที่ถูกเลื่อนออกไป และที่สำคัญนักลงทุนต้องเตรียมการรองรับไว้ด้วยว่าอาจจะไม่ได้รับกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยทุกงวดเหมือนการลงทุนในหุ้นกู้ปกติ

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงผู้ออกไม่น่าจะเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยตามอำเภอใจโดยไม่มีเหตุอันสมควร เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจากการงดจ่ายปันผล และมีผลต่อการขายหุ้นกู้ของบริษัทในอนาคต เนื่องจากนักลงทุนจะมองว่าการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ยเป็นการแสดงว่าบริษัทมีปัญหาทางการเงินจนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ และจากข้อมูลที่ผ่านมา Perpetual bond ที่มีอยู่ในตลาด ยังไม่มีรุ่นใดที่ผู้ออกมีการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย

มี Call option คือ บริษัทผู้ออกมีสิทธิเรียกไถ่ถอนได้ก่อนกำหนดโดยมักจะกำหนดให้เริ่มใช้สิทธิไถ่ถอนได้ตั้งแต่ปีที่ 5 ทั้งนี้ โดยหลักการของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะนับตราสารประเภทนี้เป็นทุน (Equity) 50% และนับเป็นหนี้ 50% ในช่วง 5 ปีแรก ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (DE ratio) ของบริษัทลดลง ดังนั้น ภายหลัง 5 ปีบริษัทก็มีสิทธิเลือกที่จะขอไถ่ถอนก่อนกำหนดได้หากไม่สามารถนับเป็นทุนได้แล้ว หรือหากดอกเบี้ยในตลาดขณะนั้นลดลงจากวันออก บริษัทก็อาจไถ่ถอนแล้วออกรุ่นใหม่ที่จ่ายดอกเบี้ยต่ำลงได้ ดังนั้น หากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด นักลงทุนก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราตามที่คาดหวังอีกต่อไป และเงินที่ได้รับจากไถ่ถอนเมื่อนำไปลงทุนต่ออย่างอื่นก็อาจได้อัตราผลตอบแทนที่ลดลง ในทางตรงข้าม หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเพิ่มสูงขึ้นมากในอีก 5 ปีข้างหน้า ผู้ออกก็อาจเลือกที่จะไม่ไถ่ถอนก่อนกำหนด ทำให้นักลงทุนเสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยตลาดที่เพิ่มขึ้น

อันดับเครดิตของ Perpetual bond โดยทั่วไปจะต่ำกว่าอันดับเครดิตบริษัทที่ออกราว 2 ระดับจากการมีสถานะเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิ เป็นผลให้ Perpetual bond จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าหุ้นกู้ปกติ ซึ่งนักลงทุนต้องพิจารณาว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมถึงอาจนำไปเปรียบเทียบกับอัตราเงินปันผลกรณีลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท

ด้วยคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ออกในการระดมทุนโดยไม่ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้น แต่สำหรับนักลงทุนก็ต้องเข้าใจความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทน หุ้นกู้ประเภทนี้จึงอาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูงซึ่งต้องการกระจายทางเลือกในการลงทุน หรือนักลงทุนเงินเย็นที่ไม่ได้มีเป้าหมายในการรับเงินต้นคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยควรทำความเข้าใจถึงเงื่อนไขพิเศษของ Perpetual bond เพื่อประเมินความเสี่ยงของหุ้นกู้และระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน

All Blogs