Individual Investors

  • Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Mar. 16, 2018
Credit Spread ผู้ช่วยของ Yield curve

จากบทความก่อนหน้านี้ที่Bond&Benได้พูดถึง Yield curve ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนเพื่อใช้อ้างอิงอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการเลือกลงทุนในตราสารหนี้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน

แต่สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้นมาจากพันธบัตรรัฐบาล นักลงทุนต้องใช้ข้อมูลอีกอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้น นั่นคือ Credit spread เป็นส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นโดยหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งต่ำจะมี Credit spread สูงกว่าหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งดีๆ เนื่องจากเมื่อสิ่งที่ลงทุนมีความเสี่ยงสูงขึ้น (อันดับเครดิตต่ำลง) นักลงทุนย่อมต้องการส่วนชดเชยความเสี่ยงที่สูงขึ้นดังนั้นตราสารหนี้ภาคเอกชนจึงให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลเสมอ ซึ่งนอกจากหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตต่างกันจะมีค่า Credit Spread ไม่เท่ากันแล้ว หุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตเดียวกันแต่อายุสั้นยาวต่างกันก็อาจมี Credit spread ไม่เท่ากันด้วย โดยปกติแล้ว เมื่อหุ้นกู้มีอันดับเครดิตต่ำลง Credit Spread จะเพิ่มขึ้น และหุ้นกู้มีอายุยิ่งยาวCredit Spread ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

จากภาพ แกนนอนแสดงถึงอายุคงเหลือของตราสารหนี้ (TTM) ขณะที่แกนตั้งแสดงถึงอัตราผลตอบแทน (YTM) ของแต่ละช่วงอายุ สมมติว่าเราสนใจหุ้นกู้บริษัท XYZ อายุ 5 ปี มีอันดับเครดิต BBB ที่ให้คูปอง 4.2%คิดเป็น Credit spread เท่ากับ 2.4% (4.20%-1.8%) จะดูยังไงว่าหุ้นกู้นี้ให้อัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่าความเสี่ยงหรือไม่ เราก็สามารถนำไปเปรียบเทียบกับ Credit spread ของหุ้นกู้รุ่นอื่นที่มีอันดับเครดิตและอายุเท่ากัน จากกราฟจะพบว่า อัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของหุ้นกู้ที่มีเรทติ้ง BBB เท่ากัน และมีอายุเท่ากัน เท่ากับ 4.34%คิดเป็น Credit spread เท่ากับ 2.54% (4.34%-1.80%) แสดงว่าหุ้นกู้ของบริษัท XYZ ให้ Credit spread หรือ ส่วนชดเชยความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นกู้รุ่นอื่นที่มีระดับความเสี่ยงและอายุเทียบเท่ากัน ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนจะพิจารณาปัจจัยเฉพาะอื่นๆแล้วว่ายังต้องการลงทุนในหุ้นกู้ XYZ หรือไม่ เช่น หากเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงดีก็อาจจะสามารถออกหุ้นกู้โดยจ่ายผลตอบแทนต่ำกว่าบริษัทที่มีฐานะการเงินใกล้เคียงกันแต่ไม่เป็นที่รู้จักของตลาด

นอกจากอายุและอันดับเครดิตจะมีผลให้ Credit spread ของหุ้นกู้แตกต่างกันแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจมีผลต่อ Credit spread ได้ เช่น กลุ่มธุรกิจของผู้ออก รูปแบบการเสนอขายหุ้นกู้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบ Credit spread ก่อนการลงทุนจะช่วยให้นักลงทุนพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นกู้ได้ดีขึ้น เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนที่ใช้ในการอ้างอิง ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป โดยข้อมูลทุกอย่างGovernment bond yield, Corporate bond yield และ Credit spread หาได้จากเว็ปไซด์ ThaiBMA (www.thaibma.or.th)

All Blogs