หากสนใจลงทุนในตราสารหนี้ เรามีทางเลือก 2 รูปแบบ คือ การลงทุนทางตรงและการลงทุนทางอ้อม

การลงทุนทางตรง

1.การลงทุนในตลาดแรก (Primary Market) การลงทุนโดยซื้อตราสารหนี้ที่ออกขายเป็นครั้งแรกในตลาด

ตราสารหนี้ภาครัฐ สามารถเข้าลงทุนผ่านการประมูลที่จัดโดย สานักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) และสามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเภท คือ การประมูลแบบแข่งขันราคา (Competitive Bid) และ การประมูลแบบไม่แข่งขันราคา (Non-Competitive Bid) ซึ่งการประมูลทั้ง 2 ประเภท เป็นการเปิดประมูลให้แก่กลุ่มนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก สาหรับ นักลงทุนบุคคลธรรมดา สามารลงทุนโดยตรงได้ใน พันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล ที่ออกจาหน่ายแก่นักลงทุนบุคคลธรรมดา รวมถึงองค์กรไม่แสวงหาผลกาไร ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อได้โดยตรง ผ่านธนาคารที่เป็นผู้จัดจาหน่าย โดยไม่จาเป็นต้องเข้าประมูล

ตราสารหนี้ภาคเอกชนการเสนอขายตราสารหนี้ภาคเอกชน แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 1.Private Placement (PP) คือการเสนอขายให้แก่นักลงทุนในวงจากัด เช่น นักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติทางการเงิน เช่น มีสินทรัพย์ หรือรายได้ต่อปีตามเกณฑ์ขั้นต่าที่กาหนดไว้ 2.Public Offering (PO) คือการเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปในวงกว้าง

2. การลงทุนในตลาดรอง (Secondary Market) คือการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการเปลี่ยนมือในทอดต่อมา โดยติดต่อผ่านธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจค้าหลักทรัพย์ (Dealer) จาก สานักงาน ก.ล.ต.

การลงทุนทางอ้อม

หมายถึง การลงทุนผ่านกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ ที่บริหารจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซึ่งได้ประโยชน์ในด้านการกระจายความเสี่ยง โดยนักลงทุนสามารถเลือก กองทุนที่มีนโยบายเหมาะสมกับการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะลงทุนทางตรงผ่านการซื้อตราสารแต่ละรุ่น หรือลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนรวม สิ่งที่นักลงทุนควรทาการบ้านก่อน ก็คือ ความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุน ซึ่งเป็นที่มาของคาว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน”