• Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Dec 21, 2018
เหลียวหลังแลหน้า เงินลงทุนในตราสารหนี้ไทยของต่างชาติ ฉบับปี 2561

ปัจจุบันระบบเศรษฐกิจในโลกมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันมากขึ้น ผ่านกลไลต่างๆ ซึ่งหนึ่งในกลไกสำคัญและสามารถเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลาอันสั้น คือกระแสเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินของนักลงทุนต่างชาติ สำหรับประเทศไทยในปี 2561 กระแสเงินลงทุนในตลาดตราสารหนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้แค่ไหน ก่อนจะผ่านพ้นปีนี้ เรามาทบทวนกันเพื่อเป็นประโยชน์ในการคาดการณ์ทิศทางของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในปีหน้า

เปิดมาต้นปีในเดือนมกราคม มีประเด็นสำคัญที่กระทบต่อ Fund flow ทั่วโลก คือการแถลงผลงานประจำปีของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อสภาคองเกรส นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้สภาผ่านกฎหมายหลายฉบับ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯให้มากขึ้น ทั้งที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆก็อยู่ในระดับที่ดีไม่ว่าจะเป็น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกิดความมั่นใจจนมีท่าทีที่ชัดเจนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง แต่แทนที่จะเกิดแรงเทขายตราสารหนี้ไทย กลับเป็นการเข้าซื้อสูงถึง 63,371 ล้านบาทในเดือนมกราคม จากปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทยที่มีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะภาคส่งออก หลังจากนั้นในช่วงเดือนเมษายน เศรษฐกิจโลกเริ่มมีแรงกดดันเรื่องสงครามการค้าจากการตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯและจีน ผนวกกับการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างจริงจัง จึงส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เกิดแรงเทขายตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศ EM ในเอเชียอย่างมาก เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซียและไทย ทำให้ในเดือนเมษายนเกิดการไหลออกของเงินทุนจากการขายสุทธิตราสารหนี้ไทยรวม 32,782 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับอีก 2 ประเทศดังกล่าว

เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง ประเด็นเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด สงครามการค้าที่ยืดเยื้อและข้อสรุปของ Brexit ยังคงเป็นประเด็นกดดันทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะต่อกลุ่มประเทศ EM เช่น อินโดนิเซีย อาร์เจนตินาและตุรกี ซึ่งมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่เปราะบางเป็นทุนเดิม แต่สำหรับประเทศไทย จากการที่มีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่ำและพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแรง เป็นแรงสนับสนุนค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ กระตุ้นการเข้าซื้อในตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งหลังของปี โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมและกันยายน ที่มีเม็ดเงินเข้าซื้อรวม 57,013 ล้านบาท และ 41,272 ล้านบาทตามลำดับ

โดยสรุปจะเห็นว่าในปี 2561 แม้จะมีประเด็นจากภายนอกประเทศเกิดขึ้นมากมาย ที่ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินประเทศต่างๆ แต่ผลกระทบที่มีต่อตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างจำกัด เปรียบเสมือนมีร่างกายที่แข็งแรง เมื่อเจอลมเจอฝนบ้างก็ไม่เป็นหวัดง่ายๆ ตลอดทั้งปีจนถึงวันที่ 20 ธ.ค. 61 นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนต่อเนื่องรวมแล้วกว่า 156,104 ล้านบาท ทำให้มียอดถือครองสะสมที่ 980,704 ล้านบาท ซึ่งย่อลงมาจากยอดสะสมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 992,062 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 61 แต่สำหรับปีหน้าฟ้าใหม่ที่กำลังจะมาถึง ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกดูจะมีความระทึกมากขึ้น ปัจจัยภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ สภาพคล่องโลกที่มีทิศทางลดลง ตลาดหุ้นที่เหมือนจะพร้อมแตกตื่นต่อทุกเหตุการณ์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเหว่ยที่ถูกจับตัวไปจะกลายเป็นชนวนสงครามการค้าที่เข้มข้นขึ้นหรือไม่ ส่วนปัจจัยภายในก็ดูเหมือนจะด้อยลง เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย อัตราเงินเฟ้อไทย มูลค่าการเกินดุลการค้าและรายได้ภาคบริการจากการท่องเที่ยวของไทยมีทิศทางลดลง ดังนั้น เมื่อปัจจัยที่เคยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งแผ่วลงไป ในปีหน้ากระแสเงินลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยจึงน่าจะมีความผันผวนมากกว่าในปีนี้และมูลค่าเงินลงทุนก็ไม่น่าจะสูงเท่าในปีนี้เช่นกัน

ปีหน้าเรามาติดตามตลาดกันต่อไป ส่วนปีนี้สวัสดีปีใหม่ โชคดี มีความสุขกันถ้วนหน้าค่ะ

All Blogs