ในอดีตที่ผ่านมา การออกหุ้นกู้ในประเทศไทยมักจะอยู่ในรูปแบบหุ้นกู้ไม่มีประกันแต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่าการออก“หุ้นกู้มีประกัน” มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยลักษณะการประกันมีทั้งการให้นิติบุคคลอื่น (เช่น บริษัทแม่ ธนาคาร หรือ CGIF) เป็นผู้ค้ำประกัน การใช้ทรัพย์สินของบริษัทผู้ออกมาเป็นหลักประกันรวมไปถึง การใช้หุ้นของบริษัทอื่นมาเป็นประกัน

ในปี 2017 มูลค่าการออกหุ้นกู้มีประกันสูงถึง 61,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.44% จากปีก่อนหน้า ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 มูลค่าการออกหุ้นกู้มีประกันยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นกู้ที่ ไม่มีเรทติ้ง(Non-rated) ที่มีการนำทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน อาคาร อสังหาริมทรัพย์มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการออกหุ้นกู้เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนโดยการออกหุ้นกู้มีประกันของกลุ่มบริษัท Non-rated ในครึ่งปีแรกของปี 2018 มีสัดส่วนถึง 75% ของหุ้นกู้ทั้งหมดที่ออกในกลุ่มนี้ เพิ่มขึ้นจาก 32% ในปี 2017 ข้อดีของหุ้นกู้มีประกันสำหรับนักลงทุน ก็คือ ในกรณีที่บริษัทผู้ออกไม่สามารถชำระหนี้ดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้ อย่างน้อยผู้ลงทุนยังมีโอกาสเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันหรือจากสินทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันได้ ซึ่งควรพิจารณาก่อนลงทุนว่าสินทรัพย์ค้ำประกันนั้นมีมูลค่าเพียงพอต่อการนำมาจ่ายคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้

ส่วนหุ้นกู้ที่มีนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ค้ำประกัน ก็ควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกันซึ่งสะท้อนถึงระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้ที่ออก นอกจากนี้นักลงทุนควรพิจารณาสัดส่วนการค้ำประกัน เนื่องจากบางครั้ง ผู้ค้ำประกันไม่ได้ค้ำประกันทั้ง 100% อาจค้ำประกันเฉพาะเงินต้นเพียงบางส่วนหรือ ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยบางส่วนซึ่งหมายความว่า หากผู้ออกผิดนัดชำระ ในกรณีแรกนักลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนไม่ครบ 100% และจะไม่ได้รับดอกเบี้ยค้างจ่าย ส่วนกรณีที่สอง คือนักลงทุนจะได้รับทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคืนตามสัดส่วนที่ผู้ค้ำประกันระบุไว้

จะเห็นได้ว่าหลังเกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระของบริษัทบางราย ทำให้ทั้งผู้ออกหุ้นกู้และนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระเป็นพิเศษ การลงทุนในหุ้นกู้มีประกันก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้อุ่นใจได้มากขึ้น เพราะหากมีการผิดนัดชำระหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันสามารถเรียกร้องสิทธิในหลักประกัน หรือเรียกร้องเงินต้นจากผู้ค้ำประกันได้ก่อนผู้ถือหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกัน อย่างไรก็ตาม อย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขการประกันและความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกันตามที่กล่าวมาข้างต้นด้วยนะคะ