• Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Jun. 07, 2018
ความจริง 5 ข้อของตลาดตราสารหนี้ที่นักลงทุนควรทราบ

ในโลกของการลงทุนนั้น ตลาดตราสารหนี้อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเท่าตลาดหุ้นโดยเฉพาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง (Moderate – Aggressive) แต่ถึงอย่างไรก็ตามตลาดตราสารหนี้ก็มีบทบาทสำคัญต่อตลาดเงินตลาดทุนเป็นอย่างมากโดยช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดสรรพอร์ทการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง หรือเป็นที่พักเงินในระยะสั้นที่ปลอดภัยก่อนนำไปลงทุนต่อ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งระดมเงินทุนสำคัญของหน่วยงานภาครัฐตลอดจนบริษัทเอกชนทั้งหลายไม่ว่าจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งหากนักลงทุนจะเข้าใจข้อเท็จจริงทั้ง 5 ของตลาดตราสารหนี้ที่คนทั่วไปมักจะมองข้ามไป

1. ตลาดตราสารหนี้ไทยมีขนาดใหญ่เกือบเท่าตลาดหุ้น

นักลงทุนหลายท่านอาจคาดไม่ถึงว่าตลาดตราสารหนี้ไทยมีขนาดใหญ่ถึง 2 ใน 3 ของตลาดหุ้นไทยจากข้อมูล ณ สิ้นปี 2017 ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 17 ล้านล้านบาทในขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าคงค้างที่ 11 ล้านล้านบาท โดย 72% เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ และกว่า 28% ออกโดยภาคเอกชน

2. ลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะอย่างที่คิด

มีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตราสารหนี้ว่าต้องมีเงินจำนวนมากจึงจะลงทุนในตราสารหนี้ได้ ในความเป็นจริงแล้ว นักลงทุนสามารถลงทุนตราสารหนี้ได้ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำเพียง 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งสามารถลงทุนได้โดยตรงในพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังที่มีการเสนอขายทุกปีที่เพิ่งออกใหม่ในปี2561 มีรุ่นอายุ 3ปี คูปอง 1.85% ต่อปีและรุ่นอายุ 7ปี คูปอง 2.45% ต่อปี หรือจะลงทุนผ่านผู้เชี่ยวชาญอย่างบริษัทจัดการกองทุนรวมที่มีกองทุนรวมตราสารหนี้ให้เลือกลงทุนหลากหลายประเภท ซึ่งนักลงทุนสามารถติดต่อบริษัทจัดการกองทุนรวมบริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารที่สะดวกเพื่อขอข้อมูลเปิดบัญชีซื้อขายได้

3. ลงทุนในตราสารหนี้ ก็มีอัตราผลตอบแทนสูงได้

ความเชื่อที่ว่าการลงทุนในตราสารหนี้มักให้ผลตอบแทนที่ต่ำนั้นสามารถลบล้างไปได้ด้วยการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีอัตราผลตอบแทนหลายระดับให้เลือก ซึ่งจะผันแปรตามอันดับเครดิตของบริษัทที่ออก อายุของตราสารหนี้ รวมไปถึงสิทธิแฝงต่างๆ นอกจากนี้กระแสการลงทุนใน High Yield Bond หรือหุ้นกู้ที่อันดับเครดิตต่ำกว่า BBB-ก็เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เนื่องจากให้ผลตอบแทนถึง5.5% –6.5% ในปีที่ผ่านมาซึ่งค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นกู้ Investment Grade(AAA to BBB-) ที่ 3.26% ในปีที่ผ่านมา

4. หุ้นกู้ ไม่จำเป็นต้องถือจนครบกำหนดอายุ

หลายคนอาจเบือนหน้าหนีตราสารหนี้เนื่องจากไม่อยากลงทุนระยะยาวๆ หรือมีความกังวลเรื่องสภาพคล่อง แต่ในความจริงแล้ว ตราสารหนี้สามารถเปลี่ยนมือได้ด้วยการขายต่อในตลาดรองโดยติดต่อซื้อขายผ่านธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่ทำหน้าที่เป็น Dealer ซึ่งในปัจจุบัน ตลาดรองตราสารหนี้มีสภาพคล่องสูงขึ้นจากในอดีตมาก นอกจากนี้หากอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น ผู้ถือตราสารหนี้ประเภทที่เรียกว่า Puttable ก็สามารถใช้สิทธิขอไถ่ถอนตราสารก่อนครบกำหนดเพื่อนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ตัวใหม่ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าได้ส่วนทางด้านผู้ออกเองหากต้องการขอไถ่ถอนก่อนครบกำหนดก็สามารถทำได้โดยการออกหุ้นกู้ที่มีสิทธิแฝงCallable ซึ่งเป็นสิทธิที่ให้ผู้ออกสามารถเรียกไถ่ถอนได้ก่อนครบกำหนดเช่นกัน โดยในปีที่ผ่านมามีบริษัทเอกชนออกหุ้นกู้ที่มีสิทธิแฝง Callable มูลค่ามากถึง 173,155 ล้านบาท

5. ผู้ถือหุ้นกู้สามารถแปลงร่างจากเจ้าหนี้เป็นเจ้าของกิจการได้

การลงทุนในตราสารหนี้ นักลงทุนมีสิทธิความเป็นเจ้าหนี้ที่จะ ได้รับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอตามที่กำหนดไว้ แต่ถ้าวันใดที่กิจการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มูลค่าหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง นักลงทุนที่มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ก็สามารถแปลงสภาพเป็นเจ้าของกิจการได้ เพื่อรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากส่วนต่างราคาซื้อขายและรับเงินปันผลแทนดอกเบี้ย แต่การที่จะแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญได้นั้นจะต้องเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพ หรือ Convertible Bond เท่านั้น

ความจริง 5 ข้อของตราสารหนี้ที่มักถูกมองข้ามนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อนักลงทุนหากสามารถเลือกนำมาใช้ให้ถูกต้องถูกเวลา

All Blogs