• Posted by:

    ThaiBMA
  • Posted on:

    Oct. 15, 2021
แนวโน้มการออก ESG bond ของไทย...กับการก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

จากการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลายประเทศตระหนักและมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เกิดเป็นข้อตกลงระดับโลกในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รัฐบาลและบริษัทเอกชนต่างเร่งลงทุนเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตเพื่อให้ทันตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้ ทำให้มีความต้องการเงินทุนจำนวนมหาศาล

หนึ่งในแหล่งการระดมทุนที่ได้รับความสนใจก็คือ การออกตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน หรือที่เรียกว่า ESG (Environmental, Social and Governance) bond ซึ่งในประเทศไทยก็เห็นการเติบโตอย่างชัดเจน มีการออกจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นักลงทุนก็ให้การตอบรับอย่างดีเช่นกัน

ESG bond ประกอบด้วยตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารหนี้เพื่อพัฒนาสังคม (Social Bond) และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศหลักเกณฑ์การเสนอขาย Green Bond ในเดือนธันวาคม ปี 2018 และหลักเกณฑ์การเสนอขาย Social Bond และ Sustainability Bond ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 เพื่อตอบสนองต่อความต้องการระดมทุนของผู้ออกและเพื่อเป็นมาตรฐานในการกำกับดูแล โดย Green Bond รุ่นแรกของไทยที่ออกภายใต้เกณฑ์การเสนอขายของ ก.ล.ต. ออกโดย บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป (BTSG) มูลค่า 13,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2019 ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หนุนให้ยอดการออก ESG bond ของไทยในปี 2019 ขยายตัวขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2018 มาอยู่ที่ 30,040 ล้านบาท

ต่อมาในปี 2020 ที่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งสนับสนุนให้ตลาด ESG bond ในไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการที่รัฐบาลมีความต้องการระดมทุนเพื่อรับมือและเยียวยาผลกระทบจากโควิด กระทรวงการคลังได้ออก Sustainability Bond มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาทในปี 2020 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลไทยและยังถือเป็น Sustainability Bond รุ่นแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ออกโดยรัฐบาล และก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม มีความต้องการซื้อเกินกว่าวงเงินประมูลถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีรัฐวิสาหกิจอีก 2 แห่ง คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และการเคหะแห่งชาติที่ออก Green bond มูลค่า 6,000 ล้านบาท และ Social bond 6,800 ล้านบาท เมื่อรวมกับการออกของภาคเอกชน ได้แก่ บมจ.ปตท. บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บมจ. ราช กรุ๊ป ทำให้ในปี 2020 มียอดการออก ESG bond ที่ 86,400 ล้านบาท สูงกว่าปี 2019 เกือบ 3 เท่า

ล่าสุดในปี 2021 นี้ กระทรวงการคลังและการเคหะแห่งชาติได้ระดมทุนเพิ่มเพื่อใช้เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยการออก Sustainability Bond และ Social bond มูลค่ารวม 82,100 ล้านบาท ส่วนในด้านของภาคเอกชนก็มีผู้ออก ESG bond รายใหม่ๆ หันมาระดมทุน เช่น บมจ. บีซีพีจี (BCPG) ออก Green bond มูลค่า 12,000 ล้านบาท บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ออก Sustainability bond มูลค่า 6,000 ล้านบาท และ บจ. โตโยต้า ลีสซิ่ง (TLT) ออก Green bond มูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ ในปีนี้ยังได้มีการออก ESG bond ประเภทใหม่ที่เรียกว่า Sustainability-Linked Bond (SLB) หรือ ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืนซึ่งมีเงื่อนไขให้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดและเป้าหมายโดยรวมของบริษัทที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (บทความ “Sustainability-Linked Bond รุ่นแรกของไทยมาแล้ว” http://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/2021/290721.aspx) โดย บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) มูลค่าการออก 5,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็น SLB รุ่นแรกของไทยหลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศหลักเกณฑ์การออก SLB เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม

จากความต้องการระดมทุนที่เพิ่มขึ้นและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทำให้ยอดการออก ESG bond ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2021 ทะลุ 1.16 แสนล้านบาท มากกว่ายอดการออกทั้งปี 2020 แล้ว และทำให้มูลค่าคงค้างของ ESG bond ที่ขึ้นทะเบียนกับ ThaiBMA ณ 15 ต.ค. 2021 สูงถึง 2.25 แสนล้านบาท ประกอบด้วย Green bond 70,100 ล้านบาท Social bond 9,800 ล้านบาท และ Sustainability bond 140,100 ล้านบาท (รวมพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของกระทรวงการคลังมูลค่า 127,000 ล้านบาท) รวมถึง Sustainability-Linked Bond มูลค่า 5,000 ล้านบาท

อีก 3 เดือนที่เหลือของปี 2021 มาติดตามกันค่ะว่าจะมีบริษัทหรือองค์กรใดจะออก ESG bond เพิ่มอีกบ้าง ผู้ออกได้เงินทุน นักลงทุนได้ผลตอบแทนและได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม

All Blogs